เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์
และความงมงายบนเขาคิชฌกูฏ

เขาคิชฌกูฏนั้นเป็นเขาที่มีทางขึ้นสูงชัน
รถยนต์ธรรมดาไม่สามารถขับขึ้นไปได้
ต้องใช้รถที่แต่งเครื่องยนต์พิเศษและการขับขี่ที่เชี่ยวชาญชำนาญทางเป็นอย่างสูง
ถึงจะสามารถขับขี่ขึ้นไปได้
และเมื่อถึงจุดๆหนึ่งก็ยังต้องเดินเท้าขึ้นไปเนื่องจากรถไม่สามารถขับขึ้นไปได้
ซึ่งการเดินทางในปัจจุบันนี้อาจจะเรียกได้ว่ามีความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

สิ่งที่ว่ามาข้างต้นมันไม่ใช่สิ่งงมงาย
แต่เป็นสิ่งที่เหนือการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
และสามารถพบได้มากในเรื่องราวตำนานทางพระพุทธศาสนา
และผู้ที่สามารถสัมผัสได้จะต้องเป็นผู้ที่มีการฝึกจิตในสมาธิจนเป็นผู้มีจิตละเอียดถึงสามารถที่จะรับรู้ในสิ่งที่เป็นสิ่งละเอียดได้

เอากับเขาสิ มีแต่เทวดามาร่วมอนุโมทนากับผู้แสวงบุญ
มาปกปักรักษา มาต้อนรับผู้แสวงบุญ
แต่นี่กลับกลายเป็นผู้แสวงบุญต้องโปรยดอกไม้รับเทพเทวดา
โปรยดอกไม้เพื่อประกาศบอกให้เทวดารู้ว่าเรามาแล้ว ไอ้เรื่องโปรยดอกไม้หน่ะ
มันเกิดจากผู้คนจะเอาดอกไม้ไปสักการะรอยพระบาท แต่ดอกไม้นั้นล่วงหล่นตามรายทาง คนที่เดินตามๆกันมาเห็นดอกไม้ตามทางก็คิดว่าคราวหน้ามาต้องหาดอกไม้มาโปรยตามเขากันบ้าง
มีคนทำถุงดอกไม้แตกหล่นอยู่บนตอไม้
คนหลังๆเห็นดอกไม้ท่วมตอก็คิดว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องเอาดอกไม้มาบูชา
ก็กราบไหว้ตอไม้กันยกใหญ่ คนหลังๆมาเห็นคนกราบไหว้ยังไม่มีธูปปักก็หาธูปมาปักกราบไหว้กันยกใหญ่

เรื่องเหล่านี้คณะสงฆ์ที่ดูแลเขาคิชฌกูฏ
พยายามประชาสัมพันธ์กันมานาน
แต่ก็น่าแปลกใจที่มันแทบจะไม่มีผลต่อความงมงายของคนไทยเราเลย
จะว่าเพราะขาดความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาก็ว่าได้
หรือว่าจะเพราะขาดความเฉลียวดีนะ
การสักการะรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏให้ได้กุศลผลบุญ
1.
ควรจะตั้งจิตตั้งใจให้แน่วแน่ เป็นไปได้ก่อนจะมาควรถือศีลห้าให้ครบ
ทำจิตใจสบายๆ เตรียมดอกไม้ธูปเทียนและเครื่องสักการะอื่นๆไว้ถวายเป็นอามิสบูชา
2.
ขณะเดินขึ้นไปสักการะ หากเป็นไปได้ให้ภาวนา พุทโธ หรือบทห้องพุทธคุณ(อิติปิโสฯ)
หรือพระคาถาที่ถนัดไปจนตลอดทาง
3.
เมื่อถึงยอดเขาแล้วให้หาที่สงบ(ไม่จำเป็นต้องทำที่ลานพระพุทธบาท)ตั้งจิตตั้งใจกราบไหว้นมัสการพระพุทธเจ้า
กล่าวคำขอขมาพระรัตนตรัย และสวดมนต์ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุง มหากาฯ
4.
เมื่อเสร็จแล้วให้ทำปฏิบัติจิตภาวนานั่งสมาธิดูลมหายใจ
สำรวมกายใจเป็นเวลาสักครู่(จะกี่นาทีก็แล้วแต่สะดวก)
5.
ถวายดอกไม้ธูปเทียนเครื่องสักการะเป็นอามิสบูชา
และตั้งใจถวายการปฏิบัติทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนถึงการนั่งสมาธิเป็นปฏิบัติบูชาแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
(เท่ากับเราได้บูชาพระพุทธเจ้าทั้งอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา) (ปฏิบัติบูชาเป็นการบูชาที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญมากที่สุด)
6.
แผ่เมตตา อุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เทวดาอารักษ์ ภุมเทวดา ญาติบรรพบุรุษทั้งหลาย
และอธิฐาน แผ่เมตตาให้ตัวเอง
7.
กราบลาพระ เดินชมวิว บรรยากาศ
8.
แวะถ้ำปู่ฤาษี อุทิศบุญกุศลให้ปู่ฤาษีผู้เป็นผู้ปกปักรักษารอยพระบาท
และอธิฐานให้ปู่ฤาษีเมตตา
9.
เดินทางกลับอย่างปลอดภัย
ก็หวังแต่เพียงว่า จะมีผู้ที่ได้อ่านบทความนี้แล้วปรับทัศนคติตนเอง และตั้งใจปฏิบัติให้ถูกต้อง ไม่หลงไปตามความเชื่อความงมงาย คำลวงที่ว่าเป็นธรรมเนียม เป็นประเพณีดั้งเดิมของการสักการะบูชารอยพระบาท
ขอให้ทุกคนที่ได้อ่านได้ปฏิบัติตามมีความเจริญขึ้นทั้งทางโลกทางธรรม มีปัญญาและกำลังที่จะตัดความโลภโกรธหลง ตัดความไม่รู้ให้สิ้นไป ด้วยเทอญ
สาธุ
ขอให้ทุกคนที่ได้อ่านได้ปฏิบัติตามมีความเจริญขึ้นทั้งทางโลกทางธรรม มีปัญญาและกำลังที่จะตัดความโลภโกรธหลง ตัดความไม่รู้ให้สิ้นไป ด้วยเทอญ
สาธุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น