เหล่าบรรดานักคาราเต้จะมีสัมผัสที่ไวต่อเสียงและการรับรู้มากกว่าคนปรกติ หากพูดกันในเชิงศาสนา ก็คืออายตนะ6 หรือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นเอง
สายตานั้นคมกริบ สามารถมองการจู่โจมได้4ทิศไม่พลาด สามารถมองเห็นและหลบหลีกแม้แต่แมลงสาบที่บินเข้าหา
หูนั้นฟังได้8ทาง ไม่ว่าศัตรูจะจู่โจมจากมุมไหนที่ตามองไม่เห็น ล้วนแล้วแต่ฟังได้จากการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะคำนินทาที่แม้แต่แอบกระซิบกันเบาๆก็จักได้ยินแม้อยู่ห่างไกลกันเป็นเมตรๆ
จมูก นั้นสามารถทนต่อกลิ่นที่รุนแรงได้อย่างไม่สะทกสะท้านเนื่องจากไม่มีอะไรเหม็นไปกว่าชุดคาราเต้เน่าๆที่ใส่ซ้อมทุกวันมาเป็นอาทิตย์และไม่ได้ซัก
กายนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าอิฐมอญเปราะๆที่แค่เคาะก็หัก แต่ก็มีสัมผัสในการอ่านการเคลื่อนไหวของศัตรูแม้เพียงสัมผัส สามารถรับสัมผัสความเจ็บปวดได้ในทันทีแม้โดนกระแทกเพียงเบาๆ
ใจนั้นแน่วแน่มั่นคงไม่เกรงกลัวต่อการกดดันของศัตรู ไม่ว่างานแข่งหรือกินเหล้าเมาหาเรื่องคนอื่นจนโดนเขายำกลับมา
--------------
เหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยรัฐฯอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของญี่ปุ่น ตึกเรียนบางตึกมีอายุมากกว่า100ปี
ณ ห้องชมรมคาราเต้ หลังการฝึกซ้อมแลกเปลี่ยนระหว่างคนไทยกับญี่ปุ่น ทุกคนอ่อนเพลียกันมาก เนื่องจากสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ จึงทำให้คนไทยไม่เคยชินกับสภาพอากาศ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคมากนักสำหรับนักสู้แดนขนมต้ม
อยู่มาวันหนึ่ง ท่านผู้นำชมรม ได้เดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ห่างจากห้องชมรมเพียงลำพัง ห้องน้ำนี้มักจะได้ยินเสียงคนกรีดร้องอย่างโหยหวนเป็นประจำ แต่ด้วยอาการปวดท้องอย่างหนักของท่านผู้นำ ท่านจึงไปนั่งปลดทุกข์ที่นั่นด้วยตัวคนเดียว
ทุกครั้งที่ปลดทุกข์หากได้ยินเสียงคนเดินเข้าห้องน้ำก็จะเอ่ยปากถามทันทีว่าใคร ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทยเพื่อนๆกัน และพูดคุยกันเพื่อคลายเหงาคลายเปลี่ยว
แน่นอนสำหรับเสียงคนเดินนั้น ไม่อาจจะหลบรอดหูนักคาราเต้ผู้ฝึกฝนมาดีเยี่ยมได้ ยกเว้นแต่จะเป็นยอดฝีมือที่ฝีมือสูงกว่ามากๆเท่านั้น
แต่วันนี้หลังซ้อม ทุกคนนัดกันไปห้องเก็บของของชมรมที่อยู่อีกด้านของอาคาร ต้องเดินผ่านห้องน้ำไปอีกฝั่ง ท่านผู้นำจึงขอปลดทุกข์ก่อนแล้วค่อยตามไป
เมื่อท่านผู้นำกำลังปลดทุกข์เช่นเดิม ด้วยความเงียบสงัด และความหนาวเหน็บแสบรูตูดที่ต้องเอากระดาษสากๆเช็ดก้นท่ามกลางอุณหภูมิอันแสนต่ำ(ใครไม่เคยเช็ดก้นด้วยกระดาษสากๆทุกวันในฤดูอันหนาวเหน็บของญี่ปุ่นไม่มีทางรู้ซึ้งได้หรอก ส้วนสาธารณะมักจะไม่มีที่ฉีดก้นในตำนานนะครับ) อยู่ๆเสียงกรีดร้องอันโหยหวนก็ดังขึ้น และทันใดนั้นไฟห้องน้ำก็ดับลง
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมาแกล้งปิดไฟ เพราะไม่มีเสียงคนเดินมาในระแวกนี้เลย และเสียงกรีดร้องนั่นมัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็รีบๆยิงระเบิดลูกสุดท้ายด้วยความกลัวพร้อมเช็ดก้นให้สะอาดใส่กางเกงให้เรียบร้อย
ทันใดนั้น ท่ามกลางความเงียบสงบและมืดมิดนั้น อยู่ดีๆไฟก็ติด เปิดขึ้นมาอีก เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาอีกครั้ง ท่านผู้นำเริ่มใจแป๊วไปอยู่ที่ตาตุ่ม ยืนแข็งทื่อนิ่งไม่ขยับกาย ใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดจับอาการเคลื่อนไหวรอบตัวอย่างระแวงระวัง หากนี่เป็นคนเรายังสู้ได้ แต่หากว่ามันเป็นอย่างว่าหล่ะ
เมื่อท่านผู้นำหยุดนิ่งสักครู่ ไฟดับอีกโดยที่ระแวกนั้นไม่มีเสียงหรือการเคลื่อนไหวของใครอยู่ใกล้ๆเลย
ท่านผู้นำหมดความอดทนด้วยความตกใจรีบเปิดประตูวิ่งออกมาด้วยความกลัว
ทันใดนั้นเอง ก็เห็นนักเคนโด้เดินออกมาจากห้องชมรมเคนโด ซึ่งอยู่หลังห้องน้ำ พอมองเข้าไปในห้องเคนโด เสียงกรีดร้องโหยหวนนั้นคือเสียงร้องคิไอของนักเคนโดนี่เอง มันช่างร้องได้โหยหวนยิ่งนัก(ใครไม่เคยได้ยินขอให้ลองไปฟังไอ้ชมรมมหาลัยนี้ร้องคิไอ มันคิไอร้องอย่างกับหมูโดนเชือด) (คิไอ คือการเปล่งเสียงร้องของนักสู้เพื่อทำการกดดันคู่ต่อสู้ หรือเพื่อสร้างกำลังใจให้ตนเอง อีกทั้งยังสามารถเค้นพละกำลังได้เป็นอย่างดี หากทำได้อย่างถูกต้อง)
เมื่อคิดได้ดังนั้น ใจก็สงบลงส่วนหนึ่งจึงรวบรวมกำลังใจเดินกลับไปห้องน้ำเพื่อพิสูจน์สิ่งที่มองไม่เห็นอีกรอบ
เมื่อมาถึงห้องน้ำแล้ว ไฟที่มืดมิด ห้องน้ำที่เก่าแก่อันน่ากลัวปราศจากผู้คน ขณะที่ท่านผู้นำก้าวเท้าเข้าไปนั้น ไฟก็ติดเปิดขึ้นมาอัติโนมัติ ท่านผู้นำนิ่งข่มความกลัวไว้ มองซ้าย มองขวา เผื่อมีผีฮานาโกะโผล่ออกมาจากส้วมหลุม แต่ก็ไม่มีผู้ใด มองข้างล่างเผื่อมีซอมบี้คลานอยู่ก็ไม่มี มองข้างบนเพดานเผื่อมีผีห้อยหัวอยู่ แต่ทุกสิ่งนั้นล้วนไม่มีตัวตนใดๆในความเป็นจริง แล้วสิ่งที่ท่านผู้นำเจอหล่ะ
เมื่อท่านผู้นำคิดได้อย่างนั้นไฟก็ดับลงอีกครั้ง ท่านผู้นำก็ต๊กกะใจอีกรอบกระโดดตัวออกมาตั้งหลักนอกห้องน้ำ ทันใดนั้นไฟก็ติดเปิดขึ้นอีกครั้ง
ท่านผู้นำนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำอยู่นานไฟก็ดับลงอีก ท่านผู้นำเริ่มสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล จึงรวบรวมสติเดินเข้าไปสำรวจอีกครั้ง
ครั้งนี้เมื่อรวมสติดีแล้ว เมื่อเข้าใกล้ประตูห้องน้ำเหมือนเห็น ดวงตาสีแดงๆเป็นประกายอยู่ริมกำแพง เหมือนเป็นตาของสัตว์ร้ายก็ไม่ปาน ท่านผู้นำคิดเอาฟะ เป็นไงเป็นกัน ต้องพิสูจน์ตำนานผีมหาลัยของญี่ปุ่นให้ได้ เลยเดินเข้าไป
ทันใดนั้นไฟก็เปิดขึ้น แต่ด้วยสติอันรวบรวมตั้งมั่นไว้ดี ท่านผู้นำจึงเห็นเจ้าสิ่งประหลาดนั้นได้อย่างชัดเจน พร้อมกับเสียงร้องออกมาว่า
......ป๊าาาดโถ่เอ้ย สวิสต์ไฟอัติโนมัต แบบจับการเคลื่อนไหว (มีคนขยับไฟก็ติดสักนาทีสองนาที พอไม่มีการเคลื่อนไหวก็ดับ)
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.....อย่ามโน.....
(เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นเกิน50%เพื่อความฮา แต่นำมาจากเค้าโครงจริง) (ขออภัยท่านผู้นำสมัยนั้นด้วย ผมไม่ได้เอ่ยชื่อท่าน แต่คนเก่าแก่จะรู้ว่าท่านคือใคร แต่ผมบอกแล้วนี่เรื่องแต่ง)
ตัวอย่างการคิไอของเคนโด ในคลิปเป็นสำนักดาบโบราณ ชื่อว่า จิเกนริว เคนจิทสุ
ในชมรมเคนโดที่ได้ยินนั้น เป็นเสียงของเด็กชมรมที่ซ้อมหวดลม และเปร่งเสียงคิไอ ท่าทางคุณเธอจะเหนื่อยมาก เสียงเลยร้องแบบเสียงหลงคีย์ เสียงแบบโดนเชือดปานนั้น