วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การพุ่งชกในคาราเต้

ในการฝึกคาราเต้นั้น จะมีแบ่งออกเป็นสามส่วนหลักๆคือ
คิฮง หรือ พื้นฐาน
คาตะ หรือ ท่ารำ
คุมิเต้ หรือ การต่อสู้
โดยพื้นฐาน คือพื้นฐานท่วงท่าของคาราเต้แบบดั้งเดิม เป็นการฝึกเพื่อเรียนรู้วิธีการปัดป้อง จู่โจมด้วยท่าต่างๆ รวมถึงการส่งแรง การเคลื่อนไหวร่างกายต่างๆให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ท่ารำ เป็นการนำท่าพื้นฐานมาร้อยเรียงเป็นท่ารำ โดยท่ารำจะซ่อนความหมายของการใช้งานท่าพื้นฐานเอาไว้ เป็นการแก้ทางมวย กลมวยต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเทคนิคการหักล๊อค ท่าทุ่ม การต่อสู้ระยะประชิดไว้เป็นต้น ซึ่งท่าร่างเดียวกันในท่ารำต่างกัน ความหมายอาจจะไม่เหมือนกันไปด้วย ขึ้นอยู่กับบริบทของท่ารำว่ามีความสอดคล้องเปลี่นแปลงอย่างไร
การต่อสู้ จะเป็นการนำท่าที่เรียนรู้จากพื้นฐาน และท่ารำมาฝึกเข้าคู่เพื่อศึกษาหาแนวทางในการต่อสู้ เช่น ระยะ จังหวะ เทคนิคที่เหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งมีทั้งแบบการต่อสู้ การป้องกันตัว และการแข่งขัน โดยจะแบ่งระดับการฝึกตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับสูง
----------------

ในส่วนของคลิปนี้ จะเป็นการพุ่งชกที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งการพุ่งชกในลักษณะนี้เป็นพื้นฐานการฝึกของคาราเต้ เป็นการดีดตัวโดยใช้ขาหลัง เพื่อส่งตัว ส่งหมัดตัวเองพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ซึ่งจะทำให้การชกการออกหมัดมีความเร็ว และมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น หากชกปะทะเข้าสู่เป้าหมาย
(แต่ในการฝึกซ้อม และการแข่งขัน ไม่อนุญาตให้ชกปะทะเป้าหมาย ให้ชกด้วยความเร็ว ชกสุดแรง มาจากพื้นฐานที่ดี มีระยะจังหวะที่เหมาะสม คืเป็นจังหวะที่คู่ต่อสู้ไม่อาจตอบโต้ได้ และหยุดหมัดดึงหมัดกลับเมื่อถึงตัว เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ หากได้ครบตามนี้จะถือว่าได้ "หนึ่งแต้ม" แต่หากโจมตีออกไปแล้วไม่สามารถหยุดได้ เกิดการปะทะกันขึ้น เกิดการบาดเจ็บ ผู้โจมตีจะได้รับการเตือนหรือปรับโทษ ตามแต่ความรุนแรง)
โดยปรกติแล้วการพุ่งชกนี้ จะพุ่งในลักษณะที่เป็นเส้นตรง ตัวไม่ลอยจากพื้นมากนัก เพื่อให้แรงนั้นพุ่งไปด้านหน้าเพียงอย่างเดียว ไม่เสียแรงหรือเสียระยะเสียจังหวะจากการดีดตัวให้สูงขึ้น(กระโดด) และตัวต้องตั้งตรงตามพื้นฐาน
ที่ต้องตั้งตัวตรงตามพื้นฐาน และพุ่งเลียดพื้นไม่กระโดดเหมือนในคลิปนั้น เพื่อเป็นการรักษาสมดุลย์ในการต่อย เพราะการต่อสู้อาจจะมีการคว้าจับ หักล๊อค ทุ่ม หรือโจมตีต่อเนื่องได้ การที่โน้มตัวไปด้านหน้า หรือการกระโดดเข้าไปนั้น อาจจะเสี่ยงต่อการประชิดตัวและทำให้เสียหลักได้
แต่เนื่องจากปัจจุบัน การแข่งขันได้พัฒนาให้เป็นกีฬา กฏกติกามีความรัดกุมมากขึ้น จุดเด่นของคาราเต้ที่เป็นการโจมตีด้วยการเตะต่อย จึงเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น การคว้าจับหักล๊อคถูกตัดไป การทุ่มถูกกำหนดให้ใช้ได้แต่เพียงไม่กี่ท่า การระมัดระวังเรื่องของการคว้าจับและทุ่มนั้นจึงหมดไป การชกจึงเน้นที่การเพิ่มระยะ และความเร็วแทนที่ไป จึงกลาเป็นการกระโดดบ้าง เอียงตัว เอี้ยวตัวบ้าง ซึ่งจริงๆแล้วนั้นถือว่าผิดพื้นฐานเป็นอย่างมาก
ในกฏกติกาบางกฏที่ยังรักษาความดั้งเดิมเอาไว้ ยังยึดถือขอพื้นฐานเหล่านั้นเอาไว้ การต่อยในลักษณะในคลิปนี้อาจจะไม่ได้แต้มก็เป็นได้หากไม่ได้โจมตีในจังหวะที่ดีและเหมาะสมจริงๆ(ใช้คำว่าอาจจะนะครับ)
คลิปนี้จะเห็นชัดในเรื่องการพุ่งแบบตัวลอย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น